แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 7.กิจกรรมพัฒนาครู / Staff Development แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 7.กิจกรรมพัฒนาครู / Staff Development แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมพัฒนาครู


การพัฒนาตนเอง : แนวทางการพัฒนาที่น่าสนใจ

แนวคิดพื้นฐานในการพัฒนาตนเอง
1. มนุษย์ทุกคนมีเอกลักษณ์ มีศักยภาพ มีคุณค่าสามารถฝึกหัดพัฒนาตนได้ในทุกเรื่อง
2. ไม่มีใครที่มีความสมบูรณ์ไปหมดทุกด้าน
3. แม้จะไม่มีใครรู้จักตัวเองได้ดีเท่าตัวเอง แต่ในบางเรื่องตนเองก็ไม่สามารถจัดการปรับเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง
4. การควบคุมสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและทางสังคม กับการควบคุมความคิด ความรู้สึกและการกระทำของตนเอง มีผลกระทบซึ่งกันและกัน
5. อุปสรรคสำคัญของการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง คือ การที่บุคคลไม่ยอมปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการปฏิบัติ ไม่สร้างนิสัยและฝึกทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็น
6. การพัฒนาตนเองดำเนินการได้ทุกเวลาเมื่อต้องการหรือพบปัญหาข้อบกพร่อง

หลักการพัฒนาตนเอง
1. หลักการพัฒนาตนเองตามแนวคิดจิตวิทยาพฤติกรรมนิยม1) หลักการพัฒนาตนเองตามแนวพฤติกรรมนิยมที่เป็นการเรียนรู้อันเนื่องจากผลกรรมหรือเงื่อนไขของการกระทำ ซึ่งมีทั้งผลกรรมเชิงบวก ได้แก่ การเสริมแรง และผลกรรมเชิงลบ คือ การลงโทษ
2) หลักการพัฒนาตนเองตามแนวพฤติกรรมนิยมที่เป็นการเรียนรู้ทางสังคม แบนดูร่า (Bandura, 1969) ได้พัฒนาแนวคิดนี้จากความเชื่อถือที่ว่า บุคคลสามารถเรียนรู้พฤติกรรมใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือประสบการณ์ทางอ้อม โดยบุคคลเรียนรู้จากผลกรรมและวิธีการเลียนแบบ แบนดูร่าให้ความสำคัญในกระบวนการเรียนรู้จากผลกรรม ซึ่งทำหน้าที่หลายประการ ทั้งเป็นการให้ข้อมูล การจูงใจและการเสริมแรงด้วย ส่วนการเลียนแบบ ประกอบด้วยการใส่ใจ การจำ การกระทำทางกาย และการจูงใจ นอกจากนั้นแบบดูร่ายังเน้นด้วยว่า การเรียนรู้ทางสังคมเป็นกระบวนการทางปัญญาด้วย โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญได้แก่ ความเชื่อมั่นในเงื่อนไข ความคาดหวังในความสามารถของตนและผลที่เกิดขึ้น
2. หลักการพัฒนาตนเองตามแนวพุทธศาสตร์
การพัฒนาคนตามหลักพุทธศาสตร์มุ่งการกระทำให้ตนมีความสุขด้วยตนเองมากกว่าการพึ่งพาวัตถุ พระเทพเวทีได้เสนอวิธีการที่จะพัฒนาตนไปสู่การมีวิถีชีวิตที่ดีงามถูกต้อง ซึ่งเรียกว่าเป็นรุ่งอรุณแห่งการพัฒนาตน มี 7 ประการ ดังนี้
ประการที่ 1 รู้จักเลือกหาแหล่งความรู้และแบบอย่างที่ดี ได้แก่ การรู้จักใช้สติปัญญาในการวิเคราะห์ พิจารณาและเลือกแหล่งความรู้ที่ดี เริ่มจากการเลือกคบคนดี เลือกแบบอย่างที่ดี เลือกบริโภคสื่อและข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ที่มีคุณค่า การพัฒนาชีวิตเช่นนี้ เรียกว่าความมีกัลป์ยานมิตร (กัลยาน มิตตา)
ประการที่ 2 รู้จักจัดระเบียบชีวิต และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเรียบร้อย มีการวางแผนและจัดการกิจการงานต่าง ๆ อย่างมีระบบ ระเบียบ เรียกว่า ถึงพร้อมด้วยศีล (ศีลสัมปทา)
ประการที่ 3 ถึงพร้อมด้วยแรงจูงใจให้สร้างสรรค์ หมายถึง มีความสนใจ มีความพึงพอใจ มีความต้องการจะสร้างสรรค์ กิจการงานใหม่ ๆ ที่เป็นความดีงาม หรือยังประโยชน์ต่อชีวิต และสังคม เรียกว่า ถึงพร้อมด้วยฉันทะ (ฉันทสัมปทา)
ประการที่ 4 ความมุ่งมั่นพัฒนาตนให้เต็มศักยภาพ มนุษย์มองภาพไม่ดีของตนว่าสามารถพัฒนาได้ ก็จะมีความงอกงามจนที่ที่สุดแห่งความสามารถของตน เรียกว่า ทำตนให้ถึงพร้อม (อัตคสัมปทา)
ประการที่ 5 ปรับทัศนคติและค่านิยมให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตที่ดีงาม เอื้อต่อการเรียนรู้ และทำให้สติปัญญางอกงามขึ้น เรียกว่า กระทำความเห็นความเข้าใจให้ถึงพร้อม (ทิฏฐิสัมปทา)
ประการที่ 6 การมีสติ กระตือรือร้น ตื่นตัวทุกเวลา หมายถึง การมีจิตสำนึกแห่งความไม่ประมาท เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของชีวิตและสภาพแวดล้อม เห็นคุณค่าของเวลา และใช้เวลาอย่างคุ้มค่า เรียกว่า ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท (อัปปมาทสัมปทา)
ประการที่ 7 การรู้จักแก้ปัญหาและพึ่งตนเอง จัดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยความคิดวิจารณญาณญาณตามเหตุปัจจัยด้วยตัวเอง เรียกการคิดแบบนี้ว่า โฮนิสสมนสิการ (โฮนิโสมนสิการสัมปทา)
นอกจากนี้ พระธรรมปิฏก ได้ให้แนวทางการพัฒนาชีวิตที่ยั่งยืน พอประมวลเป็นเทคนิคการพัฒนาตนที่บุคคลพึงฝึกหัดพัฒนา ได้แก่ ความเชื่อในการฝึกฝนพัฒนาคน การมีศีลและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคม ฝึกการเพิ่มภาวะอิสระจากวิกฤตภายนอก บริจาคและสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน ฝึกสมาธิเพื่อการสร้างพลังจิตที่เข้มแข็ง ฝึกพัฒนาปัญหาให้มีความเข้าใจชีวิตและโลกที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่ความเป็นอิสระเหนือความสุขและความทุกข์ คือ การฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ผู้สนใจควรศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องการฝึกสมาธิและวิปัสสนากรรมฐานจากแนวการพัฒนาจิตตามหลักพุทธศาสตร์ได้อย่างกว้างขวาง

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความรู้เกี่ยวกับอาเซียน

นโยบาย 5 ประการ ของกระทรวงศึกษาธิการในการดำเนินงานตามปฏิญญาอาเซียนด้านการศึกษา 
เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ 
          นโยบายที่ 1 การเผยแพร่ความรู้ ข้อมูลข่าวสารและเจตคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียน เพื่อสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ภายในปี 2558 
          นโยบายที่ 2  การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะสม เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน เช่น ความรู้ภาษาอังกฤษ ภาษาเพื่อนบ้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะและความชำนาญการที่สอดคล้องกับการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมและการเพิ่มโอกาสในการหางานทำของประชาชนรวมทั้งการพิจารณาแผนผลิตกำลังคน 
          นโยบายที่ 3  การพัฒนามาตรฐานการศึกษา เพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของนักศึกษา ครู และอาจารย์ในอาเซียน รวมทั้งเพื่อให้มีการยอมรับในคุณสมบัติทางวิชาการร่วมกันในอาเซียน การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และการแลกเปลี่ยนเยาวชน การพัฒนาระบบการศึกษาทางไกล ซึ่งช่วยสนับสนุนการศึกษาตลอดชีวิต การส่งเสริมและปรับปรุงการศึกษาด้านอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมทางอาชีพทั้งในขั้นต้นและขั้นต่อเนื่อง ตลอดจนส่งเสริมและเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของประเทศสมาชิกของอาเซียน 
          นโยบายที่ 4  การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเสรีการศึกษาในอาเซียน เพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประกอบด้วย การจัดทำความตกลงยอมรับร่วมด้านการศึกษา การพัฒนาความสามารถ ประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพสำคัญต่าง ๆ เพื่อรองรับการเปิดเสรีการศึกษาควบคู่กับการเปิดเสรีด้านการเคลื่อนย้ายแรงงาน 
          นโยบายที่ 5  การพัฒนาเยาวชน เพื่อเป็นทรัพยากรสำคัญในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน 

                                  
        

























วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

12 วิธีง่ายๆ ช่วยสร้างบุญบารมี

 มีเรืองราวเกี่ยวกับ 12 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณสร้างบุญบารมี ส่งเสริมให้ชีวิตของคุณเจริญรุ่งเรือง พบเจอแต่สิ่งดีๆ ค่ะ จะมีเรื่องราวอะไรบ้างตามดูพร้อมๆ กันเลย


เสริมดวง

1. นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือ เดินจงกรมก็ได้)
อานิสงส์
- เพื่อสติ ปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า 
- เพื่อจิตใจ ที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ ง่าย         
- จิตจะรู้วิธี แก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
- ชีวิตจะเจริญ รุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
- ผิวพรรณ ผ่องใส สุขภาพกายและ จิตแข็งแรง
- เจ้ากรรมนาย เวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล
2. สวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละ ครั้งก่อนนอน
อานิสงส์
- เพื่อให้สิ่ง ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
- ชีวิตหน้าที่ การงานเจริญก้าวหน้า
- เงินทองไหลมา เทมา แคล้วคลาดจาก อุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
- แนะนำพระคาถา พาหุงมหากา , พระคาถาชิน บัญชร ,พระคาถายอด พระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น เมื่อสวด เสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง
3. ถวายยารักษาโรคให้วัด , ออกเงินค่า รักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์
อานิสงส์
- ก่อให้เกิด สุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หาย จะทุเลา
- สุขภาพกายจิต แข็งแรง อายุยืนทั้ง ภพนี้และภพหน้า
- ถ้าป่วยก็จะ ไม่ขาดแคลนการรักษา
4. ทำบุญตักบาตรทุกเช้า
อานิสงส์
- ได้ช่วยเหลือ ศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลน อาหาร
- ตายไปไม่หิว โหย อยู่ในภพที่ ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหาร อุดมสมบูรณ์
5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆเกี่ยวกับธรรมะ แจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน
อานิสงส์
- เพราะธรรมทาน ชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรม จึงสว่างไปด้วยลาถยศ
- สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมี อย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนาย เวรอโหสิกรรมให้
- ชีวิตจะเจริญ รุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน
 6. สร้างพระถวายวัด
อานิสงส์
- ผ่อนปรนหนี้ กรรมให้บางเบา ให้ชีวิต เจริญรุ่งเรือง
- สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจาก อุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็น สุข
- ได้เกิดมา อยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป


7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์หรือบวชพระ อย่างน้อย 9 วันขึ้นไป
อานิสงส์
- ได้ตอบแทนคุณ พ่อแม่อย่างเต็มที่
- ผ่อนปรนหนี้ กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร
- สร้างปัจจัย ไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมา อยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา จิตเป็นกุศล
8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย
อานิสงส์
- ผิวพรรณ ผ่องใส สุขภาพแข็ง แรง ช่วยต่ออายุ
- ต่อไปจะมีผู้ คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปัก รักษา
- ได้เกิดมามี ร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็ จะมีราศีผุดผ่อง
9. ปล่อยปลาที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อย สัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ
อานิสงส์
- ช่วย ต่ออายุ ขจัด อุปสรรคในชีวิต
- ชดใช้ หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำ มาค้าขึ้น
- หน้าที่ การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิต ที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส
- เป็น อิสระ
10. ให้ทุนการศึกษา , บริจาค หนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ , อาสาสอน หนังสือ
อานิสงส์
- ทำให้มีสติ ปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะ ฉลาดเฉลียวมีปัญญา
- ได้มีโอกาส ศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญา สมบูรณ์พร้อม
11. ให้เงินขอทาน , ให้เงินคนที่ เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)
อานิสงส์
- ทำให้ เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตก ทุกข์ได้ยาก
- เกิดมา ชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความ ยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง
- จะได้ เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน
12. รักษาศีล 5 หรือศีล 8
อานิสงส์
- ไม่ต้องไป เกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก
- ได้เกิดมา เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญ รุ่งเรือง
- กรรมเวรจะไม่ ถ่าโถม ภัยอันตราย ไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้า ปกปักรักษา

12 วิธีที่เรานำเสนอนั้นถือเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ครบทั้ง 12 ข้อ ทำแค่บางข้อแต่ทำด้วยความตั้งใจเต็มใจที่จะทำแค่นี้ก็เกิดผลแล้วค่ะ หากใครที่ทำอยู่ประจำก็จะเป็นการเพิ่มบุญบารมีให้แก่ชีวิตของคุณ แต่หากใครที่เพิ่งเริ่มคิดเริ่มทำขอให้คุณทำด้วยความตั้งใจ ทางทีมงาน Sanook! Horoscope ขอให้ทุกคนได้บุญบารมีไปกันถ้วนหน้าเลยค่ะ




วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทความเกี่ยวกับครู....



ครู  ศิษย์  ถ่ายทอด  แบ่งปัน  ผูกพัน  พอเพียง
                 
 ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่าครูมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาบุคลากรให้กับประเทศชาติ ซึ่งบุคลากรเหล่านั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศชาติเกิดความเจริญก้าวหน้า  แต่ก็ยังมีบุคลากรอีกมากเช่นกันที่ยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างเพียงพอ อาจจะเป็นเหตุผลอันเนื่องมาจากความด้อยโอกาสทางสังคม  ฐานะทางเศรษฐกิจ  รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบ  และบุคลากรของประเทศชาติที่ยังไม่ได้รับการศึกษาจึงน่าจะมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันด้วยเพื่อที่จะได้เป็นกำลังเสริมในการที่จะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศโดยอาจจะเป็นการพัฒนาทั้งทางตรงและทางอ้อม  และอีกอย่างที่ไม่ควรลืมก็คือวัฒนธรรมไทยที่ให้ความเคารพนับถือผู้ที่อาวุโสกว่า ให้ความเกรงใจ  ให้เกียรติ  ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม  ยกตัวอย่างเช่น น้องให้ความเคารพพี่  ลูกให้ความเคารพพ่อแม่  หลานให้ความเคารพญาติผู้ใหญ่  และศิษย์ให้ความเคารพครู ซึ่งโดยภาพรวมก็คือผู้น้อยจะต้องเคารพผู้ใหญ่  แสดงถึงวิถีชีวิตของคนไทยว่ามีความประนีประนอมสูง  มีความยืดหยุ่นสูง  มีความอ่อนน้อมถ่อมตน  มีสัมมาคารวะ  โดยเฉพาะการยกมือไหว้อันเป็นเอกลักษณ์ที่ดีและน่าชื่นชมของคนไทยซึ่งในหลาย ๆ ประเทศ ก็ได้ชื่นชมประเทศไทยตรงจุดนี้  
                สำหรับครูผู้ซึ่งเป็นผู้ที่คอยอบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดี  คนเก่ง ของสังคมและประเทศชาติ ก็ควรที่จะได้รับการยกย่องชมเชยเป็นที่สุด  ครูเปรียบเสมือนผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทุก ๆ อาชีพ  เรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือแม่พิมพ์ของชาติซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ผู้น้อยจะต้องให้ความเคารพโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ของครู  เพราะศิษย์เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดครู  รับเอาความรู้ที่ครูถ่ายทอดออกมา  ซึ่งความรู้ที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้นอาจจะเป็นความรู้ที่ถูกถ่ายทอดออกจากประสบการณ์ของครู  หรืออาจจะเป็นความรู้ที่ออกมาจากตำราที่ครูได้เรียบเรียงและถ่ายทอดออกมาให้ศิษย์  โดยคำว่าครูในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นครูที่สอนศิษย์แต่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  แต่หมายความถึงครูทุกคนที่คอยให้ความรู้และประสบการณ์ในแต่ละด้าน  ที่เห็นได้ชัดคือ พ่อแม่ ที่ให้การอบรม  สั่งสอน  เลี้ยงดู  ให้คำแนะนำ  ให้คำปรึกษา แก่ลูกในทุก ๆ เรื่อง  ฯลฯ  ส่วนตัวของศิษย์ก็จะต้องเชื่อฟังครู ทำตัวให้เป็นที่รักของครู  เมื่อครูบอกกล่าว  ตักเตือน  หรือชี้แนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ก็ควรที่จะเปิดใจรับฟังอย่างจริงใจ  ไม่เสแสร้ง  เพราะว่าสิ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากตัวครูจะไปสู่ศิษย์ในลักษณะของความจริงใจและเป็นการแบ่งปันโดยไม่มีการหวงความรู้แต่อย่างใด
                ซึ่งถ้าจะกล่าวถึงคำว่าการแบ่งปัน ก็คือการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ  การให้เพราะความอยากที่จะให้  ให้แล้วมีความสุขใจ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน  และอาจจะเป็นความคิดที่ว่าสิ่งที่ให้นั้นจะเกิดประโยชน์กับตัวผู้รับมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  และเมื่อศิษย์รับเอาความรู้  ประสบการณ์  คำแนะนำที่ดีจากครู  ศิษย์ก็ควรนำสิ่งเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้และถ่ายทอดให้กับผู้อื่นที่ยังไม่เข้าใจได้รับรู้และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับการใช้ชีวิต  เพราะฉะนั้นทั้งครูและศิษย์คือบุคคลที่ร่วมกันถ่ายทอด  แบ่งปัน สร้างสรรค์  จึงทำให้เกิดเป็นเครือข่ายทางสังคม มีความกลมเกลียว  ผูกพัน  ระหว่างครูกับศิษย์ที่ช่วยทำให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนา  ทำให้บุคคลได้รับการขัดเกลาทางสังคม  สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้  มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น  มีเหตุมีผล เป็นคนดี  คนเก่งของสังคม  ซึ่งจะโยงไปถึงเรื่องของความพอเพียงในสังคมไทย
                ความพอเพียงเป็นสิ่งที่คนในสังคมไทยปัจจุบันจะต้องให้ความสำคัญ  เพราะสังคมที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดี  เอารัดเอาเปรียบ  ไม่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันก็จะทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง  เกิดการทุจริตคอรัปชั่น ไม่มีความสงบเรียบร้อย ประชาชนไม่มีความสุข  จึงได้มีกระแสเรื่องความพอเพียงเข้ามาในสังคมไทยอันเป็นแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ต้องการจะให้คนไทยรู้จักพึ่งพาตนเอง  รู้จักพัฒนาตนเองให้อยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง  ซึ่งองค์กรหรือหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเริ่มนำเอาแนวคิดความพอเพียงมาปรับใช้ในองค์กรของตนเองแล้ว  เนื่องจากว่าที่ผ่านมาองค์กรมุ่งเน้นแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริโภค  ทำให้องค์กรไม่มีการเจริญเติบโตเท่าที่ควรและไม่ได้รับการยอมรับ  ดังนั้นองค์กรจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของสังคมโดยรวม  จึงให้การแบ่งปันผลประโยชน์กับประชาชนในสังคม เพื่อที่จะทำให้เกิดความผูกพันระหว่างองค์กรกับประชาชนในลักษณะที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน  โดยใช้แนวคิดความพอเพียงที่จะทำให้บุคคล  องค์กร  สังคม  และประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน  ซึ่งการที่บุคคลจะมีความรู้และสามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ในการทำงานหรือการใช้ชีวิตนั้น  ขึ้นอยู่กับผู้ที่อบรมสั่งสอนและสร้างให้บุคคลประสบความสำเร็จนั่นก็คือครู



วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การเขียนใบงาน Summer 2012

โดย รองผู้อำนวยการ อัมพร   บุญชู  
เป็นการเตรียมงานต่อนรับนักเรียนที่จะมาเรียน Summer นี้ 



วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

English workshop on Tuesday


This week topic is my favourite.... T. Napapha teaches Thai homeroom teachers how to make 
question sentence and answer. She lets them talk and ask to each other then, they are evaluated by T.Napapha.

ผู้ติดตาม